งานวิจัยที่น่าสนใจ จากประเทศอังกฤษ เกี่ยวกับผลของยาเคมีบำบัดต่อผู้ป่วยมะเร็ง ในหัวข้อ “30-day mortality after systemic anticancer treatment for breast and lung cancer in England : a population-based, observational study” ตีพิมพ์ลงบนวารสาร Lancet Oncology โดยมีเนื้อหาการทดลอง เป็นการศึกษาหา อัตราการเสียชีวิตภายใน 30 วันหลังคนไข้ได้รับยาคีโม ยาคีโมถูกนำมาใช้ในการฆ่าเซลล์มะเร็ง อย่างไรก็ตาม ความเป็นพิษของมันทำให้เกิดผลข้างเคียงต่อเซลล์ปกติ ซึ่งบางครั้ง อาจทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้

คณะผู้วิจัยรวบรวมข้อมูลคนไข้มะเร็งเต้านมได้ทั้งหมด 23,228 คน และมะเร็งปอด 9,634 คน พบว่า 30 วันหลังรับยาคีโม ผู้ป่วยมะเร็งเต้านมเสียชีวิตถึง 700 รายจาก 23,228 และในกลุ่มผู้ป่วยมะเร็งปอด เสียชีวิต 1,274 คน จาก 15,045 นอกจากนั้นยังพบว่า ทั้งคนไข้มะเร็งเต้านมและมะเร็งปอด โอกาสเสียชีวิตเพิ่มตามอายุในกลุ่มที่ได้รับคีโมเพื่อหวังกำจัดมะเร็ง ส่วนกลุ่มที่ไม่สามารถดูแลตัวเองได้ หรือมีโรคประจำตัวมากหลายอยู่แล้ว จะมีความเสี่ยงเสียชีวิตสูงกว่าปกติ ป็นเพราะร่างกายและอวัยวะที่เปราะบางกว่า มีแนวโน้มว่าไม่สามารถทนต่อคีโมได้

การรักษาด้วยยาคีโมในงานวิจัยนี้ สามารถเพิ่มอัตราการรอดชีวิต 5 ปี ได้เพียง 4-5% เท่านั้น และอาจจะแปลว่าการรักษาแบบนี้อาจจะไม่ได้มีประโยชน์มากนักเสียแล้ว การวิจัยนี้ชี้ว่าคนไข้ที่เสียชีวิต ปัจจัยสำคัญส่วนหนึ่ง มาจากความไม่พร้อมของร่างกายของผู้ป่วย

ในระยะกลางถึงยาว การอักเสบมีแนวโน้มเร่งการเติบโตของมะเร็งที่เหลืออยู่หลังจากคีโม และอาจกระตุ้นให้เซลล์เกิดการกลายพันธุ์ ดื้อต่อยารักษามะเร็ง หรือทำให้มะเร็งกลับมาเจริญซ้ำได้ Oncotype DX ถูกออกแบบมาเพื่อ เป็นตัวช่วยในการประกอบการตัดสินใจและวางแผนการรักษาในการเข้ารับยาเคมีบำบัด ในผู้ป่วยมะเร็งเต้านมในระยะเริ่มต้น ER+, HER2-, 0-3 nodes

ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร: 02-938-9099/ line: biostem
ที่มา: www.thairath.co.th